Page 14 - คู่มือบัณฑิตศึกษา ปีการศึกษา 2563
P. 14
คู่มือนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา วิทยาลัยสงฆ์ขอนแก่น | 5
๔ คู่มือนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา วิทยาลัยสงฆ์ขอนแก่น คู่มือนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา วิทยาลัยสงฆ์ขอนแก่น ๕
วิสัยทัศน์ ประวัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
“มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาระดับโลก” มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทยเป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงของ
World University of Buddhism, WUoB
คณะสงฆ์ไทย ซึ่งสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้า
พันธกิจ ๔ ด้าน เจ้าอยู่หัว ได้ทรงให้ย้ายการสอนพระปริยัติธรรมจากศาลาบอกพระปริยัติธรรมภายในวัดพระศรีรัตนศาสดา
การผลิตบัณฑิต ราม ไปตั้งที่วัดมหาธาตุ เพื่อเป็นที่เล่าเรียนของพระสงฆ์ฝ่ายมหานิกายและคฤหัสถ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๐ และ
ผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพ เป็นไปตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (TQF : HEd) โปรดให้สถาปนาขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๒ มีชื่อเดิมว่า “มหาธาตุวิทยาลัย” และมีพระบรมราชโองการเปลี่ยนนาม
โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาบูรณาการในกระบวนการจัดการเรียนสอน เพื่อให้ได้บัณฑิตที่มีคุณภาพ ใหม่ว่า “มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย” เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๙ โดยมีพระราชประสงค์จะให้
เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ที่ให้การศึกษาเป็นเครื่องมือกลไกในการพัฒนา เป็นอนุสรณ์เฉลิมพระเกียรติยศของพระองค์สืบไป ดังปรากฎในประกาศพระราชปรารภในการก่อพระฤกษ์
ทรัพยากรมนุษย์ ให้มีความเป็นพลเมือง (มีองค์ประกอบ ๔ ด้าน คือ มีคุณลักษณะนิสัยและพฤติกรรมที่พึง สังฆิกเสนาศน์ราชวิทยาลัย
ประสงค์ มีองค์ความรู้ที่ส าคัญในศตวรรษที่ ๒๑ มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ และมีทักษะการ มหาธาตุวิทยาลัยได้เปิดท าการสอนเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๒ ต่อมา
ด ารงชีวิต) และมีคุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์ตามนวลักษณ์ของบัณฑิต ๙ ประการ พระยาภาสกรวงศ์ เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ได้ยกร่างพระราชบัญญัติฉบับแรกของมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย เรียกว่า ร่างพระราชบัญญัติมหาธาตุวิทยาลัย ร.ศ. ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕) ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย
นวลักษณ์ของบัณฑิต
๑. มีปฏิปทาน่าเลื่อมใส M = Morality พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงน าเข้าปรึกษาในที่ประชุมเสนาบดี ร่างพระราชบัญญัติฉบับ
๒. รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของสังคม A = Awareness นี้ยังไม่ได้ลงพระปรมาภิไธย จึงถือว่ายังมิได้เป็นพระราชบัญญัติที่มีผลบังคับใช้แต่อย่างใด ต่อมา
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดให้คิดแบบสร้างถาวรวัตถุ เรียกว่า “สังฆเสนาสน์ราช
๓. มีศรัทธาอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา H = Helpfulness วิทยาลัย” ขึ้นในวัดมหาธาตุ เพื่อใช้เป็นสถานที่บ าเพ็ญพระราชกุศลพระศพสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ และ
๔. มีความสามารถและทักษะด้านภาษา A = Ability
๕. ใฝ่รู้ใฝ่คิด C = Curiosity ทรงประสงค์จะอุทิศถวายถาวรวัตถุนี้เป็นสังฆิกเสนาสน์ส าหรับมหาธาตุวิทยาลัย เพื่อเป็นที่เล่าเรียนพระปริยัติ
๖. รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม H = Hospitality สัทธรรมและวิชาชั้นสูง โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชด าเนินไปทรงวางศิลาก่อ
พระฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๙ และได้พระราชทานเปลี่ยนนามมหาธาตุวิทยาลัยเป็นมหาจุฬา
๗. มีโลกทัศน์กว้างไกล U = Universality ลงกรณราชวิทยาลัย
๘. เป็นผู้น าด้านจิตใจและปัญญา L = Leadership
๙. มีศักยภาพพร้อมที่จะใช้และพัฒนานวัตกรรม A = Aspiration เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติยศของพระองค์ ตามประกาศพระราชปรารภในการก่อพระฤกษ์สังฆ
เสนาสน์ราชวิทยาลัย ร.ศ. ๑๑๕ (พ.ศ. ๒๔๓๙) ความตอนหนึ่งว่า “จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง
การวิจัยและพัฒนา วิทยาลัยที่เล่าเรียนพระไตรปิฎกแลวิชาชั้นสูงขึ้น ๒ สถานๆ หนึ่งเป็นที่เล่าเรียนของพระสงฆ์ฝ่าย
วิจัยและพัฒนา หมายถึง การวิจัยและค้นคว้า เพื่อสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมควบคู่ไปกับ ธรรมยุติกนิกาย ได้ตั้งไว้ที่วัดบวรนิเวศวรวิหาร พระอารามหลวง พระราชทานนามว่า มหามกุฎราชวิทยาลัย
กระบวนการเรียนการสอน เน้นการพัฒนาองค์ความรู้ในพระไตรปิฎก โดยวิธีสหวิทยาการแล้วน าองค์ความรู้ที่ อีกสถานหนึ่งเป็นที่เล่าเรียนของพระสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ได้ตั้งไว้ที่วัดมหาธาตุ ราชวรมหาวิหาร พระอาราม
ค้นพบมาประยุกต์ใช้แก้ปัญหาศีลธรรม และจริยธรรมของสังคม รวมทั้งพัฒนาคุณภาพงานวิชาการด้าน หลวงนี้ มีนามว่ามหาธาตุวิทยาลัย ได้เปิดการเล่าเรียนแต่วันที่ ๘ พฤศจิกายน รัตนโกสินทร์ ศก ๑๐๘ สืบมา
พระพุทธศาสนาโดยความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา ที่มีชื่อเสียงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ แต่สังฆิกเสนาสน์ส าหรับมหาธาตุวิทยาลัยนี้ยังไม่เป็นที่สมควรแก่การเล่าเรียน... เมื่อการบ าเพ็ญพระราชกุศล
เพื่อพัฒนาคุณภาพนักวิจัยและงานวิจัยให้มีคุณภาพ และความเป็นสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนนั้นเสร็จแล้วจะได้ทรงพระราชอุทิศถวายถาวรวัตถุนี้เป็นสังฆิกเสนาสน์ส าหรับมหาธาตุวิทยาลัย เพื่อเป็นที่
เล่าเรียนพระปริยัติสัทธรรมแลวิชาชั้นสูงสืบไปภายหน้า พระราชทานเปลี่ยนนามใหม่ว่า มหาจุฬาลงกรณราช
การส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการวิชาการแก่สังคม วิทยาลัย เพื่อให้เป็นที่เฉลิมพระเกียรติยศสืบไป...”
ส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการวิชาการแก่สังคม หมายถึง การส่งเสริมพระพุทธศาสนาและ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้จัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนเดิมในนามมหาธาตุวิทยาลัย
บริการวิชาการแก่สังคม ตามปณิธานการจัดตั้งมหาวิทยาลัย ด้วยการปรับปรุงกิจกรรมต่างๆ ให้ประสาน ตลอดมา จนกระทั่งวันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๐ พระมหาเถระฝ่ายมหานิกาย จ านวน ๕๗ รูป มีพระพิมล
สอดคล้อง เอื้อต่อการส่งเสริม สนับสนุนกิจการคณะสงฆ์ สร้างความรู้ความเข้าใจหลักค าสอนทาง ธรรม (ช้อย ฐานทัตตเถร) เป็นประธานได้ประชุมกัน ณ ต าหนักสมเด็จ วัดมหาธาตุฯ ประกาศให้มหาจุฬาลง
พระพุทธศาสนา สร้างจิตส านึกด้านคุณธรรมจริยธรรมแก่ประชาชน โดยการจัดประชุม สัมมนา และฝึกอบรม กรณราชวิทยาลัย ด าเนินการจัดการศึกษาในรูปมหาวิทยาลัย ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระ
เพื่อพัฒนาพระสงฆ์และบุคลากรทางศาสนา ให้มีศักยภาพในการธ ารงรักษา เผยแผ่หลักค าสอน และเป็นแกน จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้เปิดการศึกษาในรูปแบบมหาวิทยาลัย ตั้งแต่วันที่
หลักในการพัฒนาจิตใจในวงกว้าง
๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม แม้มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยจะได้เปิดการศึกษาใน
การทะนุบ ารุงศิลปะและวัฒนธรรม รูปแบบมหาวิทยาลัยตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็นต้นมา ทางบ้านเมืองก็มิได้รับรองสถานภาพให้เป็นมหาวิทยาลัย
ทะนุบ ารุงศิลปะและวัฒนธรรม หมายถึง การเสริมสร้างและพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ด้านการทะนุบ ารุง ตามกฎหมาย นั่นคงเป็นเพราะว่าประกาศพระราชปรารภในการก่อพระฤกษ์สังฆเสนาสน์ราชวิทยาลัย
ศิลปะและวัฒนธรรม ให้เอื้อต่อการศึกษาโดยใช้พระพุทธศาสนาเป็นกลไกเพื่อสร้างจิตส านึกและความ ร.ศ.๑๑๕ (พ.ศ. ๒๔๓๙) ที่หลวงวิจิตรวาทการกล่าวถึงนั้นเป็นเพียงประกาศพระราชปรารภในการวางศิลาฤกษ์
ภาคภูมิใจในความเป็นไทย รวมทั้งส่งเสริม สนับสนุนให้มีการน าภูมิปัญญาท้องถิ่น มาเป็นรากฐานของการ อาคารของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งไม่อาจถือได้ว่าเป็นพระราชบัญญัติมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พัฒนาอย่างมีดุลยภาพและยั่งยืน เพราะยังไม่ได้ลงพระปรมาภิไธย