Page 61 - คู่มือบัณฑิตศึกษา ปีการศึกษา 2563
P. 61
52 | คู่มือนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา วิทยาลัยสงฆ์ขอนแก่น
๕๒ คู่มือนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา วิทยาลัยสงฆ์ขอนแก่น
พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๔๐ – ๒๕๖๑ ได้แสดงทรรศนะไว้ในการแสดงปาฐกถา
ธรรมเฉลิมพระเกียรติเรื่อง “พระพุทธศาสนาและวิทยายาศาสตร์ : สร้างสรรค์
วัฒนธรรมแห่งปัญญา” ที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อ พ.ศ.
๒๕๕๒ ไว้ดังต่อไปนี้
“พระพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์ต่างเป็นองค์ประกอบที่ส าคัญของ
วัฒนธรรม ชาวพุทธเปรียบเทียบคนที่มีความรู้ทั้งสองด้านเหมือนคนที่มีดวงตา
สองข้าง (ทวิจักขุ) ดวงตาข้างหนึ่งคือความรู้ด้านศาสนา ส่วนดวงตาอีกข้างหนึ่ง
คือความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และความรู้ที่จ าเป็นต่อการประกอบอาชีพ คนที่มี
ความรู้ทั้งสองด้านเช่นนี้จัดเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์”
“การที่คนคนเดียวจะมีความรู้ทั้งด้านพระพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์
เช่นนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ไม่ยาก ทั้งนี้เพราะปัญญาในพระพุทธศาสนาและ
ปัญญาในวิทยาศาสตร์ไม่ได้ขัดแย้งกันหากแต่ส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “นาห ภิกฺขเว โลเกน วิวทามิ” เป็นต้น แปลความ
ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตย่อมไม่ขัดแย้งกับชาวโลก แต่ชาวโลกย่อม
ขัดแย้งกับเรา ธรรมวาทีย่อมไม่ขัดแย้งกับใครๆ ในโลก”
ธรรมวาทีคือคนที่ศึกษาธรรมและประกาศธรรม ค าว่าธรรมหมายถึงความ
จริงตามธรรมชาติที่มีอยู่เองโดยไม่มีการแต่งเติมเสริมต่อ ค าว่าปัญญาใน
พระพุทธศาสนาหมายถึงการรู้เห็นความจริงในธรรมชาติตามที่เป็นจริง
(ยถาภูตญาณทัสสนะ) สัจธรรมความจริงในธรรมชาติที่มีการค้นพบไม่ว่าจะโดย
นักศาสนาหรือนักวิทยาศาสตร์ก็ย่อมเป็นสัจธรรมอยู่วันยังค่ า เหมือนกับทอง
ย่อมเป็นทองตลอดเวลา
แม้พระพุทธศาสนาได้ค้นพบสัจธรรมความจริงในธรรมชาติแล้ว
พระพุทธศาสนาก็ไม่มีการผูกขาดสัจธรรมความจริงนั้นว่ามีเฉพาะใน
พระพุทธศาสนา ชาวพุทธสามารถยอมรับความจริงในธรรมชาติที่
นักวิทยาศาสตร์ต่างทยอยกันค้นพบภายหลังการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า”